กรรมฐาน 40
กสิณ 10
กสิณเป็นกรรมฐานหมวดหนึ่ง ที่ว่าด้วยการเพ่งเอารูปเป็นเครื่องหมายเพื่อให้จิตตั้งมั่น เพื่อให้เกิดสมาธิ โดยเครื่องหมายที่นำมาเป็นรูปหมายเพื่อทำสมาธินั้นมีอยู่้ด้วยกัน 10 ประการ คือ
(ปฐวีกสิณ อาโปกสิณ เตโชกสิณ วาโยกสิณ นีลกสิณ ปีตกสิณ โลหิตกสิณ
- ปฐวีกสิณ คือ การยกดินพิจารณาเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมภาวนาว่า “ปฐิวีกสิณัง” ใช้ภาพดินเป็นวงกลมหรือดินปฐพีสีแดงอิฐเป็นบริกรรมนิมิต
- อาโปกสิณ คือ การยกน้ำขึ้นพิจารณาเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมภาวนาว่า “อาโปกสิณัง” ใช้ภาพน้ำในขันหรือพื้นท้องน้ำเป็นบริกรรมนิมิต
- เตโชกสิณ คือ การยกไฟขึ้นพิจารณาเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมภาวนาว่า “เตโชกสิณัง” ใช้ภาพไฟที่ลุกโชนเป็นบริกรรมนิมิต
- วาโยกสิณ คือ การยกลมขึ้นพิจารณาเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมภาวนาว่า “วาโยกสิณัง” ใช้ภาพอาการลมพัดยอดไม้ไหว หรืออาการแรงลมปะทะในสิ่งต่างๆ อย่างอ่อนไหว เป็นบริกรรมนิมิต
- นีลกสิณ คือ การยกสีเขียวขึ้นเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมภาวนาว่า “นีลกสิณัง” ใช้ภาพพื้นสีเขียวเป็นวงหรือภาพแสงสีเขียว/พื้นเขียวเป็นบริกรรมนิมิต
- ปีตกสิณ คือ การยกสีเหลืองขึ้นพิจารณาเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมภาวนาว่า “ปีตกสิณัง” ใช้ภาพสีเหลืองเป็นวงหรือภาพพื้นสีเหลืองเป็นบริกรรมนิมิต
- โลหิตกสิณ คือการยกสีแดงเลือดขึ้นพิจารณาเป็นอารมณ์ใจใช้คำบริกรรมภาวนาว่า“โลหิตกสิณัง” ใช้ภาพพื้นสีแดงเลือด เป็นวงกลม เป็นบริกรรมนิมิต
- โอทากสิณ คือ การยกสีขาวขึ้นพิจารณาเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมว่า “โอทากสิณัง” ใช้ภาพพื้นสีขาวเป็นบริกรรมนิมิต
- อาโลกกสิณัง คือ การยกแสงสว่างขึ้นพิจารณาเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมว่า“อาโลกกสิณัง” ใช้ภาพแสงสว่างเป็นบริกรรมนิมิต
- อากาสกสิณัง คือ การยกอากาศ หรือช่องว่างขึ้นพิจารณาเป็นอารมณ์ใจ ใช้คำบริกรรมว่า “อากาสกสิณัง” ใช้ภาพอากาศ ช่องว่างเป็นบริกรรมนิมิต
***การเตรียมรูปกสิณเพื่อเป็นนิมิตสำหรับการเพ่งดู ตัวอย่างเช่น กสิณดิน จะใช้ดินฝุ่นสีแดงอิฐมาละลายน้ำให้เป็นเสมือนดินโคลบนแล้วนำผ้าสีขาวยาวด้านละประมาณ 50 เซนติเมตร แล้วนำโคลนดินมาทาเป็นรูปวงกลมรัศศมีประมาณ 30 เซนติเมตร ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง นำมาแขวนที่ผนังด้านหน้าที่ตนจะทำกรรมฐาน โดยระยะพอประมาณที่สายตามองได้ถนัด ไม่ก้ม ไม่เงยจนเกินไป ให้เหมาะแก่การมองเห็น***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น