วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

หลักการทำทานและหลักการตัดสินพระธรรมวินัย

ธรรมะในพระพุทธศาสนา และ

#ข้อธรรมของคนนอกพระพุทธศาสนา

ว่าจะเล่าเรื่องผีผีให้มันต่อเนื่องไป เพื่อคนอยากรู้จะได้ไม่เบื่อกลางทางก่อน แต่ว่า ได้รู้ได้เห็นว่า คนหลงผิดกันเยอะ จึงจะมาอรรถาธิบายความเป็นจริงเป็นข้อๆไป เพื่อให้สติปัญญาของสาธุ วิญญูชนได้วิ่งแล่นไป ขจัดความหลงในตัวตนของตนเอง

#บางคนว่าอย่าทำทานกับวัดเลย บ้างว่า #อย่าไปทำบุญให้วัดมากทำกับโรงพยาบาลดีกว่า บ้างว่า #อย่าไปทำกับพระเลยทำกับพ่อกับแม่ดีกว่า อันนั้นมันหลงประเด็น และไม่ศึกษาในพระพุทธศาสนาให้ลึกซึ้งนะครับ (ผู้เขียนก็ไม่ได้ลึกซึ้งนะครับ แต่ก็เอาตัวรอดมาได้จากป่าเพราะสัจจะวาจานี้แหละ)

#หลักการทำทาน คือการละสักกายะทิฏฐิ หรือความหมายในภาษาเราท่านก็คือ การละความเห็นแก่ตัวจัดลงไป หรือ การลดมานะ ถือตัวถือตน ละความตระหนี่ถี่เหนียว กลายเป็นคนใจกว้าง โอบอ้อมอารี มีจิตสาธารณะนั่นแหละ แต่เล่นคำ เผื่อว่า คนศาสนาอื่นๆ จะได้เข้าถึงในธรรมได้บ้าง หรือ จะได้ไม่ขัดกับหลักศาสนาอื่น และเป็นไปเพื่อค้ำจุนโลก เพราะ #ธรรมะค้ำจุนโลก จากเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ซึ่งอันจะทำให้เกิดทาน ก็ย่อมมาพร้อมกับเมตตาและกรุณา นั่นแหละครับ และคราวนี้มันไม่ถูกเหรอว่า ไปทำทานที่อื่นนอกจากวัด  ซึ่งอันนี้ก็ไม่ผิด แต่ไม่ถูกทั้งหมด และไม่ควรจะแยกแยะเป็นปัจจเจก เพราะจะติดมานะทิฏฐิของตน ทำให้ปล่อยวางในจิตใจไม่ได้ หลงติดในสิ่งหนึ่งสิ่งใด

#แล้วทำทานกับพระกับสงฆ์ มีประโยชน์อย่างไร ดียังไงครับ ที่ว่าดีน่ะ พระพุทธเจ้าไม่ได้บอก(ตรัส) หมายความว่าทำให้แก่ตนหรือแก่พระพุทธเจ้าเองหรือในศาสนาของพระองค์ นัยยะหนึ่งว่า หลอกมาให้แก่ตนพวกพ้องของตนหรอกนะครับ

#การทำทานแก่พระพุทธศาสนามีประโยชน์อย่างไร ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดก็คือ เพื่อประโยชน์แก่ผู้ทำทานโดยตรงเลย คือ ขจัดความหลงแก่ตนเอง ทำให้มีจิตเบิกบาน เมตตาต่อคนอื่น ทำให้โ,กน่าอยู่ ตนเองก็จะได้อยู่โดยความสุขสำราญสบายใจ เพราะ "ผู้ให้ย่อมตกเป็นที่รัก" ของผู้ถูกให้ ล่ะครับ ข้อต่อไป เพื่อความหลุดพ้น มรรคผลนิพพาน(ดูหัวข้อด้านล่างนะครับ)

#แล้วทำไมจะไปห้ามทำบุญล่ะครับ ทำทุกอย่างทุกที่ ที่เราพอจะทำได้ มากบ้างน้อยบ้าง ก็อยู่ที่เรา

#ประโยชน์การทำทาน ข้อที่ทำให้แก่วัดหรือสงฆ์ คือ การสืบทอดความดี ความงามในจิตใจ สืบต่อไปสู่รุ่นต่อรุ่น ต่อลูกต่อหลาน ทำให้พระธรรมคำสอนที่จรรโลงต่อโลกนั้นคงอยู่ 

 #ตราบใดที่ธรรมะยังอยู่ โลกนี้ย่อมอยู๋เป็นสุขครับ ส่วนใครดีใครเลวนั้น พระธรรมวินัย ย่อมขจัดรักษาตัวท่านเอง เช่นคำว่า "พระธรรมวินัย เปรียบเช่นดั่งพระมหาสมุทร จะไม่กลืนกินซากศพและจะถพัดซากศพไปสู่ฝั่ง ฉันใดฉันนั้น

ตามหลักธรรมที่นำมาให้ทราบด้านล่างเลยครับ

#ถ้าท่านวิตกกังวลมากว่าพระจะเอาไปทำเรื่องไม่ดี ท่านก็เน้นการทำทานแก่สงฆ์ คือ กลางสงฆ์ แต่บางองค์บางท่าน บิณฑบาตร กิจนิมนต์ ไม่มีหรือมีแต่น้อยมากก็มีนะครับ แล้ว ก็สึหาลาเพศไป เพราะไม่สามารถดำรงชีพได้ปกติ เพราะยากลำบากเกินจะใจเย็นใจสงบลงได้ อันนั้นก็เสียผลประโยชน์ที่จะมีคนมาสืบทอดผ้าเหลือง สืบหลักธรรมในพระพุทธศาสนา

เพราะฉะนั้นท่านที่ใฝ่บุญกุศล จงอย่าละเลยข้อนี้ ให้ใส่ใจเพื่อพระพุทธศาสนาจะได้ค้ำจุนโลกต่อไปอีกนานเท่านาน

#ข้อวินิจฉัยธรรมะของพระพุทธเจ้า

1.เป็นไปเพื่อวิราคะ คือ ความคลายหายติด (สำนวนเก่าว่าคลายกำหนัด)

2.เป็นไปเพื่อวิสังโยค เพื่อความคลาย การหลุดจากความทุกข์ ไม่ประกอบด้วยความทุกข์

3.เป็นไปเพื่ออปจยะ ความไม่พอกพูนกิเลส

4.เป็นไปเพื่ออัปปิจฉตา ความมักน้อย

5.เป็นไปเพื่อสันตุฏฐี ความสันโดษ

6.เป็นไปเพื่อวิเวก ความสงัด

7.เป็นไปเพื่อวิริยารัมภะ การระดมความเพียร

8.เป็นไปเพื่อสุภรตา ความเลี้ยงง่าย

และมีอีกหมวดหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆกัน

#ลักษณะตัดสินธรรมวินัย 7

1.เอกันตนิพพิทา เพื่อความหน่ายสิ้นเชิง

2.เป็นไปเพื่อวิราคะ การคลายความยึดติด

3.เป็นไปเพื่อนิโรธ ความดับทุกข์

4.เป็นไปเพื่ออุปสมะ ความเข้าไปสงบระงับ

5.เป็นไปเพื่ออภิญญา ความรู้ยิ่งเฉพาะ

6.เป็นไปเพื่อสัมโพธะ ความตรัสรู้

7.เป็นไปเพื่อนิพพาน

อ้างอิงจากพระไตรปิฏก และบทความในสำนวนท่าน ป.ปยุตโต

เนื้อหาด้านบนนี้เป็นพุทธวาจาในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ข้อวินิจฉัยในธรรมวินัย และลักษณะตัดสินธรรมวินัย

// มุจลินท์ --ผู้เขียนและบันทึก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พิธีไหว้ครูประจำปีสำนักกรรมฐานวัดจันดาทอนปี ๒๕๖๖

  ประมวลภาพในวันไหว้ครูประจำปี ปีที่ ๒๑ ปี ๒๕๖๖ ระหว่าง วันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๕ - วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕  ของทุกปี วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ ประก...