ธรรมะในพระพุทธศาสนา และ
#ข้อธรรมของคนนอกพระพุทธศาสนา
ว่าจะเล่าเรื่องผีผีให้มันต่อเนื่องไป
เพื่อคนอยากรู้จะได้ไม่เบื่อกลางทางก่อน แต่ว่า ได้รู้ได้เห็นว่า คนหลงผิดกันเยอะ
จึงจะมาอรรถาธิบายความเป็นจริงเป็นข้อๆไป เพื่อให้สติปัญญาของสาธุ
วิญญูชนได้วิ่งแล่นไป ขจัดความหลงในตัวตนของตนเอง
#บางคนว่าอย่าทำทานกับวัดเลย บ้างว่า #อย่าไปทำบุญให้วัดมากทำกับโรงพยาบาลดีกว่า
บ้างว่า #อย่าไปทำกับพระเลยทำกับพ่อกับแม่ดีกว่า
อันนั้นมันหลงประเด็น และไม่ศึกษาในพระพุทธศาสนาให้ลึกซึ้งนะครับ
(ผู้เขียนก็ไม่ได้ลึกซึ้งนะครับ แต่ก็เอาตัวรอดมาได้จากป่าเพราะสัจจะวาจานี้แหละ)
#หลักการทำทาน คือการละสักกายะทิฏฐิ
หรือความหมายในภาษาเราท่านก็คือ การละความเห็นแก่ตัวจัดลงไป หรือ การลดมานะ
ถือตัวถือตน ละความตระหนี่ถี่เหนียว กลายเป็นคนใจกว้าง โอบอ้อมอารี
มีจิตสาธารณะนั่นแหละ แต่เล่นคำ เผื่อว่า คนศาสนาอื่นๆ จะได้เข้าถึงในธรรมได้บ้าง
หรือ จะได้ไม่ขัดกับหลักศาสนาอื่น และเป็นไปเพื่อค้ำจุนโลก เพราะ #ธรรมะค้ำจุนโลก
จากเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ซึ่งอันจะทำให้เกิดทาน
ก็ย่อมมาพร้อมกับเมตตาและกรุณา นั่นแหละครับ และคราวนี้มันไม่ถูกเหรอว่า
ไปทำทานที่อื่นนอกจากวัด
ซึ่งอันนี้ก็ไม่ผิด แต่ไม่ถูกทั้งหมด และไม่ควรจะแยกแยะเป็นปัจจเจก
เพราะจะติดมานะทิฏฐิของตน ทำให้ปล่อยวางในจิตใจไม่ได้ หลงติดในสิ่งหนึ่งสิ่งใด
#แล้วทำทานกับพระกับสงฆ์ มีประโยชน์อย่างไร
ดียังไงครับ ที่ว่าดีน่ะ พระพุทธเจ้าไม่ได้บอก(ตรัส)
หมายความว่าทำให้แก่ตนหรือแก่พระพุทธเจ้าเองหรือในศาสนาของพระองค์ นัยยะหนึ่งว่า
หลอกมาให้แก่ตนพวกพ้องของตนหรอกนะครับ
#การทำทานแก่พระพุทธศาสนามีประโยชน์อย่างไร
ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดก็คือ เพื่อประโยชน์แก่ผู้ทำทานโดยตรงเลย คือ
ขจัดความหลงแก่ตนเอง ทำให้มีจิตเบิกบาน เมตตาต่อคนอื่น ทำให้โ,กน่าอยู่
ตนเองก็จะได้อยู่โดยความสุขสำราญสบายใจ เพราะ "ผู้ให้ย่อมตกเป็นที่รัก"
ของผู้ถูกให้ ล่ะครับ ข้อต่อไป เพื่อความหลุดพ้น
มรรคผลนิพพาน(ดูหัวข้อด้านล่างนะครับ)
#แล้วทำไมจะไปห้ามทำบุญล่ะครับ ทำทุกอย่างทุกที่
ที่เราพอจะทำได้ มากบ้างน้อยบ้าง ก็อยู่ที่เรา
#ประโยชน์การทำทาน ข้อที่ทำให้แก่วัดหรือสงฆ์ คือ
การสืบทอดความดี ความงามในจิตใจ สืบต่อไปสู่รุ่นต่อรุ่น ต่อลูกต่อหลาน
ทำให้พระธรรมคำสอนที่จรรโลงต่อโลกนั้นคงอยู่
#ตราบใดที่ธรรมะยังอยู่
โลกนี้ย่อมอยู๋เป็นสุขครับ ส่วนใครดีใครเลวนั้น พระธรรมวินัย
ย่อมขจัดรักษาตัวท่านเอง เช่นคำว่า "พระธรรมวินัย เปรียบเช่นดั่งพระมหาสมุทร
จะไม่กลืนกินซากศพและจะถพัดซากศพไปสู่ฝั่ง ฉันใดฉันนั้น
ตามหลักธรรมที่นำมาให้ทราบด้านล่างเลยครับ
#ถ้าท่านวิตกกังวลมากว่าพระจะเอาไปทำเรื่องไม่ดี
ท่านก็เน้นการทำทานแก่สงฆ์ คือ กลางสงฆ์ แต่บางองค์บางท่าน บิณฑบาตร กิจนิมนต์
ไม่มีหรือมีแต่น้อยมากก็มีนะครับ แล้ว ก็สึหาลาเพศไป เพราะไม่สามารถดำรงชีพได้ปกติ
เพราะยากลำบากเกินจะใจเย็นใจสงบลงได้
อันนั้นก็เสียผลประโยชน์ที่จะมีคนมาสืบทอดผ้าเหลือง สืบหลักธรรมในพระพุทธศาสนา
เพราะฉะนั้นท่านที่ใฝ่บุญกุศล จงอย่าละเลยข้อนี้ ให้ใส่ใจเพื่อพระพุทธศาสนาจะได้ค้ำจุนโลกต่อไปอีกนานเท่านาน
#ข้อวินิจฉัยธรรมะของพระพุทธเจ้า
1.เป็นไปเพื่อวิราคะ คือ ความคลายหายติด
(สำนวนเก่าว่าคลายกำหนัด)
2.เป็นไปเพื่อวิสังโยค เพื่อความคลาย
การหลุดจากความทุกข์ ไม่ประกอบด้วยความทุกข์
3.เป็นไปเพื่ออปจยะ ความไม่พอกพูนกิเลส
4.เป็นไปเพื่ออัปปิจฉตา ความมักน้อย
5.เป็นไปเพื่อสันตุฏฐี ความสันโดษ
6.เป็นไปเพื่อวิเวก ความสงัด
7.เป็นไปเพื่อวิริยารัมภะ การระดมความเพียร
8.เป็นไปเพื่อสุภรตา ความเลี้ยงง่าย
และมีอีกหมวดหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆกัน
#ลักษณะตัดสินธรรมวินัย 7
1.เอกันตนิพพิทา เพื่อความหน่ายสิ้นเชิง
2.เป็นไปเพื่อวิราคะ การคลายความยึดติด
3.เป็นไปเพื่อนิโรธ ความดับทุกข์
4.เป็นไปเพื่ออุปสมะ ความเข้าไปสงบระงับ
5.เป็นไปเพื่ออภิญญา ความรู้ยิ่งเฉพาะ
6.เป็นไปเพื่อสัมโพธะ ความตรัสรู้
7.เป็นไปเพื่อนิพพาน
อ้างอิงจากพระไตรปิฏก และบทความในสำนวนท่าน ป.ปยุตโต
เนื้อหาด้านบนนี้เป็นพุทธวาจาในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ข้อวินิจฉัยในธรรมวินัย และลักษณะตัดสินธรรมวินัย
// มุจลินท์ --ผู้เขียนและบันทึก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น